(2) สามีหรือภริยา
(3) บุตรมีอายุต่ำกว่า 18 ปี เว้นแต่เมื่อมีอายุครบ 18 ปี และยังศึกษาอยู่ในระดับที่ไม่สูงกว่าปริญญาตรี ให้ได้รับส่วนแบ่งต่อไปตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู่
(4) บุตรมีอายุตั้งแต่ 18 ปี และทุพพลภาพหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบซึ่งอยู่ในอุปการะของลูกจ้างก่อนลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือสุญหาย ให้บุตรของลูกจ้างซึ่งเกิดภายใน 310 วัน นับแต่วันที่ลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือวันที่เกิดสูญหายมีสิทธิได้รับเงินทดแทนนับแต่วันคลอด
(3) บุตรมีอายุต่ำกว่า 18 ปี เว้นแต่เมื่อมีอายุครบ 18 ปี และยังศึกษาอยู่ในระดับที่ไม่สูงกว่าปริญญาตรี ให้ได้รับส่วนแบ่งต่อไปตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู่
(4) บุตรมีอายุตั้งแต่ 18 ปี และทุพพลภาพหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบซึ่งอยู่ในอุปการะของลูกจ้างก่อนลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือสุญหาย ให้บุตรของลูกจ้างซึ่งเกิดภายใน 310 วัน นับแต่วันที่ลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือวันที่เกิดสูญหายมีสิทธิได้รับเงินทดแทนนับแต่วันคลอด
ในกรณีที่ไม่มีผู้มีสิทธิตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างจ่ายเงินทดแทนแก่ผู้ซึ่งอยู่ในอุปการะของลูกจ้างก่อนลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือสูญหาย แต่ผู้อยู่ในอุปการะดังกล่าวจะต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดอุปการะจากลูกจ้างที่ตายหรือสูญหาย"
บุคคลที่จะเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากนายจ้างกรณีลูกจ้างตายหรือสูญหาย คือ
1.ทายาทของลูกจ้าง ได้แก่ บุคคลตามข้อ (1) ถึง (4) และวรรคสอง
2.ผู้อยู่ในอุปการคุณของลูกจ้าง คือ ในกรณีที่ไม่มีผู้มีสิทธิรับเงินแทนลูกจ้างที่ตายหรือสูญหายตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง กฎหมายกำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินทดแทนแก่ผู้ที่อยู่ในอุปการคุณของลูกจ้างก่อนที่ลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือสูญหาย
2.ผู้อยู่ในอุปการคุณของลูกจ้าง คือ ในกรณีที่ไม่มีผู้มีสิทธิรับเงินแทนลูกจ้างที่ตายหรือสูญหายตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง กฎหมายกำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินทดแทนแก่ผู้ที่อยู่ในอุปการคุณของลูกจ้างก่อนที่ลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือสูญหาย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lawyercluster.co.th/บทความกฎหมายทั่วไป/กฎหมายแรงงาน/ผู้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนกรณีที่ลูกจ้างตายหรือสูญหาย.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น